วงการฟุตบอลกำลังก้าวสู่โลกอนาคต

ต้องยอมรับเลยว่าเรื่องของเทคโนโลยี และความล้ำหน้าของเหล่านวัตกรรมนั้นกำลังครอบคลุมทุกวงการไม่เว้นแม้แต่วงการกีฬาอย่างฟุตบอลก็ด้วยเช่นกัน ในปีนี้เราลองมาดูการอัพเดตกันดีกว่าว่ากำลังจะมีอะไรน่าสนใจและล้ำหน้าเกิดขึ้นในวงการลูกหนังบ้าง แต่บอกเลยว่าต่อไปผู้ชมอย่างเราจะมีโอกาสเชียร์ฟุตบอลได้สนุกขึ้นจากเทคโนโลยีเหล่านี้กันอย่างแน่นอน

เริ่มขยายการใช้ VS ในฟุตซอล

          นี่ถือว่าเป็นการขยายให้เทคโนโลยีช่วยผู้ตัดสินนั้นไม่ได้ใช้แค่ในการแข่งขันฟุตบอล แต่กีฬาอย่างฟุตซอลที่อยู่ภายใต้การดูแลเดียวกันคือฟีฟ่าหรือสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติก็สามารถเริ่มต้นการใช้งานได้ด้วยเช่นกัน

โดยในตอนนี้ฟีฟ่าได้อนุมัติให้นำเทคโนโลยีที่เรียกกันว่า VS หรือ Video Support มาใช้เป็นระบบวิดีโอสนับสนุนผู้ตัดสินมาเพื่อใช้ในศึกฟุตซอลชิงแชมป์โลกในปีช่วงปลายปี 2021 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หากอยากศึกษาเพิ่มเติม เทคนิคการล้มโต๊ะ ก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่น่าสนใจ ได้ที่ AW8 คาสิโนออนไลน์ ครบวงจรข้อมูลข่าวสาร และเทคนิคฟุตบอล

            และดูเหมือนว่าในอนาคตทางฟีฟ่าก็จะคอยอนุมัตินวัตกรรมรวมทั้งเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อนำมาส่งเสริมวงการฟุตบอลกันเพิ่มตาม The Vision 2020-2023 กันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน

            ส่วนเทคโนโลยี VS ในครั้งนี้ก็จะเข้ามาช่วยผู้ตัดสินด้วยกันหลัก ๆ อยู่ใน 4 รูปแบบคือ สถานการณ์ที่ผู้เล่นทำประตูได้หรือไม่ได้ สถานการณ์ที่เกิดความไม่ชัดเจนของจุดโทษ เหตุการณ์ที่ต้องให้ใบแดง และกรณีที่ผู้ตัดสินนั้นเกิดความผิดพลาดในเรื่องของการระบุตัวจน จะเห็นได้เลยว่าการเข้ามาช่วยของ VS ยังอยู่ในขั้นพื้นฐาน แต่ระบบจะสามารถเรียนรู้และทำงานได้อย่างเจาะลึกมากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน

เทคโนโลยี VAR ที่พัฒนาขึ้นเสมอในวงการฟุตบอล

          ฟุตซอลอาจพึ่งจะเริ่มต้นการใช้งาน VS แต่ในวงการฟุตบอลโลกนั้นมีการเริ่มใช้เทคโนโลยีที่เรียกกันว่า VAR หรือ Video Assistant Referee มาระยะหนึ่งแล้วโดยเริ่มต้นราว ๆ กลางปี 2016 ที่ผ่านมานั่นเอง

            เทคโนโลยีนี้จะเข้ามาช่วยทบทวนการตัดสินใจของหัวหน้าผู้ตัดสิน และสื่อสารด้วยวิดีโอพร้อมทั้งหูฟัง การทำงานของระบบนี้จะทำงานด้วยการอัดวิดีโอแบบต่อเนื่องในบริเวณสำคัญต่าง ๆ ของสนาม อย่างเช่นกรอบหน้าเขตโทษ ส่วนนี้จะช่วยทำให้เห็นการล้ำหน้าได้แม่นยำและชัดเจนมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าช่วยให้เห็นการทำผิดกฎต่าง ๆ ชัดเจนขึ้นด้วย

            การใช้ VAR นอกจากจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในรายละเอียดการตัดสินแล้วนั้นยังช่วยประหยัดเวลาอีกด้วย เพราะเมื่อมีการล้ำหน้าหรือทำผิดกฎขึ้นผู้ตัดสินไม่จำเป็นต้องวิ่งไปดู แต่จะได้รับการแจ้งผ่านหูฟัง ซึ่งช่วยทำให้เวลา 1-2 นาทีนั้นประหยัดขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียวเมื่อรวมกันทั้งเกม

            ที่ผ่านมามีการใช้ VAR แล้วหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็เป็นการแข่งขันใหญ่อีกด้วย เริ่มตั้งแต่ United Soccer League ตามมาด้วยรอบชิงชนะเลิศ FIFA Club World Cup ใน ปี 2016 และการใช้ในอังกฤษอย่างเป็นทางการในช่วงปี 2017 และในช่วงฤดูกาล 2017-2018 ก็เปิดตัวการใช้งาน VAR อย่างเป็นทางการใน Primeira Liga FIFA และ FIFA World Cup อีกด้วย แต่ก็ดูเหมือนระบบยังต้องพัฒนาอีกพอสมควรเพื่อให้มีสีสันในการแข่งขันเหมือนกรรมการตัดสิน แต่มาพร้อมกับความแม่นยำแบบคอมพิวเตอร์นั่นเอง

เทคโนโลยี VR กำลังจะเข้ามาในวงการลูกหนัง

          การที่ทุกคนจะเดินทางไปเยือนสนามเหย้าเพื่อชมการแข่งขันสดทุกนัดทุกลีกนั้นอาจไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก เพราะปัจจัยของทั้งเรื่องเวลา การเดินทาง และค่าใช้จ่าย จะดีกว่าไหมถ้าในอนาคตเพียงคุณมีอุปกรณ์ VR จ่ายค่าบัตรเข้าชมแล้วก็สามารถนั่งที่บ้านเหมือนนั่งที่ขอบสนามแอนฟิลต์อย่างไรอย่างนั้น

            การนำ VR เข้ามาช่วยนั้นสามารถทำให้ทุกคนได้ที่นั่งที่ดีที่สุดตรงมุมขวาบนเส้นแบ่งครึ่งสนาม ทำให้คุณมองชัดทุกรายละเอียดไม่ว่าจะเป็นการรุกหรือรับของทีมไหน และไม่ว่านัดนั้นจะสำคัญและก้องโลกขนาดไหนคุณก็ไม่ต้องเบียดเสียดผู้คน แต่สามารถลุ้นที่บ้านได้แบบง่าย ๆ

            รวมทั้งยังสามารถเห็นทุกอย่างได้ในแบบโฮโลแกรม 3 มิติ ช่วยให้ใกล้ชิดคนสำคัญในเกมตั้งแต่กุนซือไปถึงนักเตะได้มากกว่าการไปอยู่ติดขอบสนามเสียอีก

            แม้ในตอนนี้เทคโนโลยี VR ที่เรากำลังพูดถึงจะยังไม่อยู่ในขั้นของการนำมาใช้งานได้จริง แต่ถ้าคุณจะเทียบเทคโนโลยีในตอนนี้กับช่วงปี 1990 ที่ผ่านมาก็คงจะทำให้เดาได้ไม่ยากเลยว่าในปี 2040 สิ่งที่เราพูดถึงกันนี้จะเกิดขึ้นได้ไม่ยากอย่างแน่นอน ติดตามดูข่าวสารออนไลน์ไว้รอได้เลย

            เป็นกำไรนอกเหนือจากความสนุกที่พวกเรากำลังจะได้รับจากการชมฟุตบอล เนื่องด้วยสถานการณ์หลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นทำให้วงการฟุตบอลยิ่งต้องพัฒนาขึ้นเพื่อไม่ให้เจอกับการสะดุดครั้งยิ่งใหญ่เหมือนกับในปี 2020 ที่ผ่านมา เพราะการสะดุดรอบนี้ทำให้หลายสโมสรต้องปรับแผนและเสียโอกาสต่าง ๆ ไปมากมาย รวมทั้งยังเสียงบประมาณไปมากจนมีผลกับนักเตะในทีมกันอีกด้วย

           มาลุ้นกันดีกว่าว่าในปีนี้และปีต่อ ๆ ไปวงการลูกหนังโลกและผู้ดูแลฟุตบอลทั่วโลกอย่างฟีฟ่าจะนำเรื่องราวอะไรใหม่ ๆ มาพัฒนาวงการให้มีความน่าสนใจ มีมาตรฐาน รวมทั้งมีเสถียรภาพเพิ่มมากขึ้นกันบ้าง แต่ในตอนนี้แฟนบอลอย่างเราก็ได้เวลามาตั้งตารอฤดูกาล 2021-2024 กันแล้วว่าปีนี้ใครจะคว้าถ้วยไหนไปครอบครอง และมีฟอร์มขึ้นลง พร้อมทั้งมีนักเตะคนไหนสลับสับเปลี่ยนทีมกันบ้าง